พระศาสนจักรคาทอลิกประกอบด้วย สมาชิกผู้ได้รับศีลล้างบาป 3 ภาคส่วน (Can. 207) นั่นคือ

1) ภาคส่วนที่เป็นศาสนบริกรศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับศีลบวช ซึ่งได้แก่ พระสังฆราช พระสงฆ์ และสังฆานุกร

2) ภาคส่วนที่เป็นฆราวาส ซึ่งดำรงชีวิตตามลักษณะในแวดวงชีวิตครอบครัว และชีวิตสังคมทั่วไปในสาขาอาชีพและธุรกิจต่าง ๆ ( LG.31; CL. 15)

3) ภาคส่วนที่เป็นผู้อุทิศตนแด่พระเจ้าอย่างพิเศษโดยเข้าเป็นสมาชิกของสถาบันชีวิตที่ถวายแล้วแด่พระองค์แห่งใดแห่งหนึ่ง ณ ที่บรรดาสมาชิกปฏิญาณตนดำเนินชีวิตตามคำแนะนำแห่งพระวรสาร และพันธศักสิทธิ์อื่น ๆ ที่พระศาสนจักรับรอง ทั้งนี้ เพื่อรับใช้พันธกิจของพระศาสนจักในการช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นนั้น สถานบันดังกล่าวนี้ มีรูปแบบต่าง ๆ กัน และบรรดาสมาชิกมีชื่อเรียกรวม ๆ ว่า “นักบวช”(นักพรต)
โดยการรับศีลล้างบาปเข้าเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรนี้เอง คริสตชนฆราวาส ได้รับกระแสเรียกของพระเจ้า ให้เข้าอยู่อย่างสนิทแนบแน่นกับพระศาสนจักร ที่มีสภาวะลึกซึ้งของการเป็นร่างกายของพระคริสตเจ้า (The mystical Body of Christ) ( CL. 15) และดังนี้ ทำให้เขามีส่วนในชีวิตของพระศาสนจักร ที่มีพันธกิจประกาศข่าวดีแห่งความรอดในอาณาจักรของพระเจ้า (CL. 33)

พระศาสนจักรในปัจจุบัน ยืนยันและเน้นเรื่องกระแสเรียกของคริสตชนฆราวาส จากพระเจ้าเป็นอย่างมาก คริสตชนฆราวาสจึงพึงตระหนักอย่างจริงจังดังที่พระศาสนจักรสอน กล่าวคือ

1) เสียงเรียกของพระเยซูเจ้าไม่เจาะจงเพียงแต่เจ้าอาวาส บรรดาพระสงฆ์ และนักพรต (นักบวช) ชาย-หญิงเท่านั้น แต่ไปถึงทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาป จึงหมายความว่าบรรดาคริสตชนฆราวาสก็ได้รับเรียกเป็นการเฉพาะตัวจากพระเจ้าให้ไปทำงานเพื่อพระศาสนจักรและเพื่อโลกเช่นกัน (เทียบ CL. 2)

2) คริสตชนฆราวาสซึ่งเป็นประชากรของพระเจ้า สังกัดอยู่ในร่างกายแห่งธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้าที่พระองค์เป็นศรีษะและพวกเขาเป็นอวัยวะที่มีชีวิตนั้น มีกระแสเรียกและภารกิจที่ต้องปฏิบัติทั้งในพระศาสนจักรและในโลก (LG. 32 และ CL. 1)

3) ถึงกระนั้นก็ตาม กระแสเรียกอันเป็นส่วนพิเศษของคริสตชนฆราวาสที่ได้รับจากพระเจ้า คือการมุ่งเข้าถึงพระอาณาจักรของพระเจ้า โดยการปฏิบัติภาระกิจที่เกี่ยวข้องกับโลก และจัดระเบียบให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า( LG. 31 และ CL. 15)

4) คริสตชนฆราวาสต้องตระหนักและเจริญชีวิตตามกระแสเรียกจากพระเจ้าไม่ใช่แบบถูกบังคับหรือแบบไม่มีทางปฏิเสธ แต่ต้องเป็นแบบที่สะท้อนความรักอันไม่มีขอบเขตของพระบิดาเจ้า(CL. 17)

5) คริสตชนทั้งหลายไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม ได้รับกระแสเรียกให้ดำเนินชีวิตคริสตชนอย่างสมบูรณ์ และให้ดำเนินชีวิตในความรักครบครัน( LG. 40 และ CL. 16)

ศีลล้างบาปส่งผลต่อเรามนุษย์ดังนี้

1) ทำให้เรามนุษย์เกิดใหม่และมีชีวิตเป็นบุตรของพระเจ้า เข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต เจ้า และเป็นส่วนหนึ่งของพระศาสนจักรอันเป็นพระกายแห่งธรรมล้ำลึกของพระองค์ (The Mystical Body of Christ)

2) เจิมวิญญาณของเรามนุษย์เข้าอยู่ในพระจิตเจ้า ทำให้เราเป็นวิหารของพระองค์

3)ทำให้เราเข้าอยู่ในพระกระแสเรียกของพระเจ้าและในการปฏิบัติพันธกิจประกาศข่าวดี (CL. 10 และ 33)

จากการเกิดใหม่ในพระคริสตเจ้าทางศีลล้างบาป
คริสตชนฆราวาสพึงตระหนักว่าคริสตชนฆราวาสแต่ละคนมีศักดิ์ศรีของการเป็นบุตรของพระเจ้าร่วมกันกับคริสตชนผู้ที่เป็นพระสงฆ์และผู้ที่เป็นนักพรต(นักบวช)ทั้งหลาย(CL. 15) และศักดิ์ศรีดังกล่าวนี้ เป็นพื้นฐานของความเสมอภาคของการร่วมมีส่วนดำเนินชีวิตและปฏิบัติพันธกิจของพระศาสนจักรตามสิทธิและหน้าที่ ที่มาจากพระกระแสเรียกของพระเจ้านั้น(CL. 15, 17และ ข้อ 37; Can. 208)
แม้คริสตชนฆราวาสจะมีสิทธิและหน้าที่อย่างเสมอภาคในการปฏิบัติพันธกิจของพระศาสนจักร
แต่สิทธิและหน้าที่ของคริสตชนฆราวาสก็แตกต่างจากคริสตชนที่เป็นศาสนบริกรศักดิ์สิทธิ์ และที่เป็นนักบวช ความแตกต่างทางสิทธิและหน้าที่นี้ ไม่ใช่เป็นเพียงความแตกต่างทางขั้นของตำแหน่ง แต่เป็นความแตกต่างทางสาระของความเป็นสงฆ์ที่มาทางศีลบวช

     แม้คริสตชนฆราวาสจะมีสิทธิและหน้าที่ในพระศาสนจักรแตกต่างจากคริสตชน ทั้งหลายตาม สถานภาพของตนก็ไม่อาจแยกตนอยู่ต่างหากตามลำพังได้ คริสต ชนฆราวาสยังต้องร่วมชีวิต และปฏิบัติพันธกิจของพระศาสนจักรเชื่อมโยงกับค ริสตชนอื่นโดยมีความสำนึกในความเป็นพี่น้องกันอยู่เสมอ (CL. 20) ยิ่งกว่านั้นคริสตชนฆราวาสพึงรับรู้ว่า พระสงฆ์จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของ เขาในพระศาสนจักร(CL. 22-23)
คริสตชนฆราวาสซึ่งดำเนินชีวิตในโลกนั่นคือ ในทุกสาขาอาชีพและธุรกิจการ งานต่าง ๆ ในแวดวงธรรมดาของชีวิตครอบครัวและชีวิตสังคม และเป็นผู้ที่ ได้รับกระแสเรียกให้นำพระอาณาจักรของพระเจ้าเข้าไปในโลก ด้วยวิธีชีวิต แบบของเขา(LG.31;CL. 15) คริสตชนฆราวาสจึงต้องอยู่แนวหน้าของ การปฏิบัติพันธกิจของพระศาสนจักรในการประกาศข่าวดีในโลก เพื่อว่าพระศา สนจักรจะได้เป็นหลักด้านวิญญาณสำหรับสังคมมนุษย์อย่างชัดเจน (CL. 9)
สำหรับคริสตชนฆราวาส การอยู่ในโลกและการทำงานในโลก ไม่ใช่เป็นเพียง การอยู่ในฐานะเป็นมนุษย์ธรรมดา หรือ เป็นส่วนหนึ่งของสังคมนนุษย์เท่านั้น แต่ต้องเป็นการอยู่และทำงานในฐานะประชากรของพระเจ้า และในฐานะ สมาชิกของพระศาสนจักรที่มุ่งเข้าถึงพระอาณาจักรของพระเจ้า ด้วยการทำ ธุระกิจฝ่ายโลก และประกอบอาชีพของตนให้สอดคล้องกับแผนการของพระจ้า (CL. 15)
คริสตชนฆราวาสจึงไม่ใช่ผู้อยู่ในฐานะรับการประกาศข่าวดีเท่านั้น แต่อยู่ใน ฐานะเป็นผู้ ประกาศข่าวดีด้วยเช่นกัน(เทียบ CL. 36) และทุกวันนี้เป็น ที่ประจักษ์ชัดว่า การประกาศข่าวดีโดยคริสตชนฆราวาสยิ่งวันยิ่งจำเป็นและมี คุณค่ามากขึ้น(CL. 35)